ขาเทียมฟรี โดย ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย จัดทำโครงการขาเทียมฟรี โดยมี ข้อกำหนดและกฎระเบียบการเข้ารับ ดังนี้

เนื่องจากเป็นการทำขาเทียมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทยจึงอยากจะขอความร่วมมือ เพื่อให้ผู้ที่ใส่ขาเทียมได้ใช้ประโยชน์จากการใส่ขาเทียมได้สมบูรณ์ ด้วยข้อกำหนดดังนี้

1. เป็นผู้พิการไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะหรือตำแหน่งใด ๆ

2. เขียนประวัติ พร้อมทั้งเล่าถึงคุณประโยชน์ต่อสังคมที่ผ่านมาในอดีต และถ้าใส่ขาเทียมแล้วจะ ทำประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างไร

3. รูปถ่ายให้เห็นตอขาอย่างชัดเจน ทั้งหน้า ข้าง และหลัง (อย่ามีอะไรปิดบัง)

4. ต้องออกกำลังตอขาที่ขาดให้แข็งแรง ก่อนการทำขาเทียม

  • ใต้เข่า ใช้ถุงทรายมัดรอบตอขา ถุงทรายหนัก 2 กิโลกรัม
  • เหนือเข่า ถุงทรายหนัก 3.5 กิโลกรัม

แล้วยกขึ้น-ลง หรือเหวี่ยงขาในท่าเดิน ให้ได้อย่างน้อยวันละ 100-200 ครั้ง ตามกำลังของผู้ขาขาด จนกว่ากล้ามเนื้อจะแข็งแรง

5. เมื่อขาแข็งแรงแล้ว ให้รอการนัดเพื่อทำขาเทียม

ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย
เลขที่ 110/108 ถนนเอกชัย-บางบอน แขวงบางบอน
เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150
(ข้างธนาคารกสิกรไทย สาขาวงแหวนรอบนอก เอกชัย-บางบอน)
โทร. 0-2899-6374-8
อีเมล์: tidf2000@yahoo.com

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน http://www.thailegs.com/ttox.htm

Share

ความทุกข์ของ Social Network

หมวด Twitter

Tweet เพื่อรอการ Mention เป็นทุกข์

Tweet เพื่อรอการ RT เป็นทุกข์

Tweet เพื่อให้ Celeb มาสนใจเป็นทุกข์

Tweet เพื่อให้เธอสนใจเป็นทุกข์

DM เพื่อรอการ Reply จากใครเป็นทุกข์

การสะสม Follower เป็นทุกข์

การมี Follower คนรู้จัก และมันพูดมาก เป็นทุกข์

การมี Follower หนุ่มสาวน่ารักที่ไม่รู้จักและเขาไม่คุยด้วย เป็นทุกข์

การมี Followe และมัน Mention RT ตลอดเวลา เป็นทุกข์

มีแฟนแล้วถูกแฟน Follow (อาจจะ)เป็นทุกข์

การมีหลาย Account (อาจจะ)เป็นทุกข์

Tweet เพื่อแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นเป็นสุข

Tweet เพื่อระบายความในใจเป็นสุข

Tweet ไม่ดราม่ากับใครเป็นสุข

หมวด Facebook

Add friend หาสาวหรือหนุ่มหมายปอง แล้วรอรับ เป็นทุกข์

Post Wall เพื่อรอ Comment หรือ Like จากเพื่อนเป็นทุกข์

Post Photo เพื่อรอ Comment หรือ Like จากเพื่อนเป็นทุกข์

ถูก Tag รูปอุบาท เป็นทุกข์

โดน Tag โฆษณา เป็นทุกข์

สร้าง Page คน Like น้อย เป็นทุกข์

ไม่คาดหวังจำนวน Comment, Like และ Friend เป็นสุข

Post Wall เพื่อแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นเป็นสุข

Post Wall เพื่อระบายความในใจเป็นสุข

Post Wall ไม่ดราม่ากับใครเป็นสุข

Add friend เฉพาะเพื่อนที่รู้จัก แล้วรอรับ เป็นสุข

Tag รูปอุบาทให้เพื่อน เป็นสุข

รับจ้าง Tag โฆษณา แล้วได้เงิน เป็นสุข

หมวด foursquare

การพยายามสะสม Badge เป็นทุกข์

การพยายามเป็น mayor เป็นทุกข์

การถูกสร้าง venue ซ้อนเป็นทุกข์

การถูกผู้อื่นมา Check-in บ้านตัวเอง เป็นทุกข์

การ Check-in ตามความเป็นจริง เป็นสุข

การได้ Badge ตามความเป็นจริง เป็นสุข

posted on 06 May 2011 21:15 by ifew

ความทุกข์ของ Social Network | เรียกเหมี๊ยวๆ เดี๋ยวฟิวส์ก็มา http://url.in.th/iVRWo0

Share

ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling Therapy) รักษาโรคผ่านช่องปาก

มีเพื่อนแนะนำให้ทำครับ เลยลองไปหาวิธีมา เจอน่าสนใจคือบทความของหมอแดง น่าสนใจมาก ขอยกวิธีทำบางส่วนมาให้อ่านกันครับ

ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling Therapy) เป็นวิธีบำบัดของอินเดียที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อ Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศรัสเซียเมื่อปี พ.ศ. 2534-2535 การประชุมมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องมะเร็ง และแบคทีเรียซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรคที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้การอม น้ำมันสกัดเย็น หรือ หีบเย็น (สกัดน้ำมันออกมาโดยใช้ความร้อนต่ำ หรือไม่ใช้ความร้อนเลย)

ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัย ในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษาด้วยน้ำมันสกัดเย็น มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำพิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายโรค ในบางกรณี บางรายที่ไม่ต้องการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดหรือการกินยา ก็ได้ใช้วิธีการนี้บำบัด ซึ่งก็เป็นผล อีกทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาเคมี

กระบวนการบำบัด และผลที่ได้รับที่น่าตื่นเต้นตามทฤษฎีนี้ กลับแสนง่าย โดยเริ่มต้นที่ใส่น้ำมันสกัดเย็นเข้าไปในปาก (น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันสกัดเย็นอื่น ไม่จำเป็นต้องกลั่นโดยวิธีธรรมชาติเสมอไป น้ำมันทานตะวันที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตก็พอใช้ได้แล้ว)

กระบวนการบำบัดจะบรรลุผลสำเร็จด้วยระบบบำบัดของผู้นั้นเอง ในกรณีนี้อาจจะไปบำบัดเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ในเวลาเดียวกัน ร่างกายเองก็จะขับสารพิษออกทิ้งไม่ให้รบกวนระบบต่างๆ ของร่างกาย
Dr.Karach กล่าวว่า คนเราส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่น่าจะเป็น ความจริงแล้วถ้าสุขภาพที่ดีจะมีอายุได้ถึง 140- 150 ปี

วิธีการทำ “Oil Pulling”
– เช้าตื่นนอนขึ้นมา ช่วงท้องว่าง ก่อนรับบประทานอาหารเช้า เอาน้ำมันประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เข้าปาก อย่าได้กลืนลงคอไปนะครับ แล้วทำให้น้ำมันเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในปาก (Move Oil Slowly) กลั้วอยู่ในปาก ไม่ต้องทำแรงนัก Dr.Karach ใช้วิธีค่อยๆ จิบน้ำมันเข้าปาก ดูด และดึง น้ำมันให้ผ่านฟันไปมาให้ทั่วๆ ใช้เวลา 15 – 20 นาที
– ในขั้นตอนนี้ น้ำมันจะผสมกลมกลืนกับน้ำลาย แล้วทำให้มันเคลื่อนไหวกระตุ้นเอนไซม์ เพื่อให้เอนไซม์ดึงสารพิษออกมาจากกระแสเลือด จงอย่ากลืนน้ำมันนี้ลงคอไป เพราะมันมีพิษ พิษที่ดึงออกมานั่นแหละ
– เมื่อเราคลื่อนไหวน้ำมันอยู่ในปากสักพัก จะรู้สึกว่าน้ำมันนั้นเบาบางลงไม่หนืด ลักษณะคล้ายน้ำ สีขาว
– แต่ถ้าน้ำมันนั้นยังมีสีเหลือง(น้ำมันงา ทานตะวันจะสีเหลือง น้ำมันมะพร้าวจะใส) อยู่เหมือนเดิม แสดงว่าใส่น้ำมันมากไป หรือยังใช้เวลาไม่นานพอ
– ขั้นต่อไป ให้บ้วนน้ำมันที่อมอยู่ทิ้ง แล้วใช้น้ำสะอาดล้าง หรือจะให้ดี ก็ใช้นิ้วมือช่วยทำความสะอาดฟันและเหงือกด้วยก็ได้

ล้างทำความสะอาดอ่างล้างหน้าให้ดี
คุณควรล้างทำความสะอาดอ่างล้างหน้าให้ดี (ถ้าบ้วนน้ำมันที่อมลงในอ่าง) ใช้สบู่ น้ำยาฆ่าเชื้อล้างด้วยก็ดี เพราะน้ำมันที่บ้วนทิ้งลงไปนั้นจะมีแบคทีเรีย และสารพิษ Toxin ของเสียที่ดึงออกจากร่างกาย ถ้าลองใช้กล้องขยายขนาด 600 เท่าส่องดูก็จะพบว่ามีแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่อยู่ในระยะฟักตัวเพื่อก่อโรคอยู่
สิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจว่าการทำ OP เป็นกระบวนการทำให้ระบบเมทาโบริซึมเข้มแข็งขึ้น เพื่อให้ร่างกายเราแข็งแรง
สิ่งที่ทำให้เราเห็นชัดเจนก็คือจะทำให้ฟันของเราแน่นขึ้น ไม่โยกคลอน ทำให้เหงือกแข็งแรงสดใส ฟันก็จะขาวขึ้น
การทำ OP จะดีที่สุดก็คือตอนก่อนอาหารเช้า แต่ถ้าจะเร่งกระบวนการบำบัดให้เร็วขึ้น ก็ให้ทำ OP วันละ 3 เวลา ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น ตอนท้องว่าง

ข้อควรระวังคือ
1 อย่ากลืนน้ำมันที่ทำ OP ลงคอไป จะต้องบ้วนน้ำมันที่อมอยู่ออกทิ้งไป แต่ก็อย่าวิตกกังวลถ้าเกิดกลืน หรือ
มีน้ำมันไหลลงคอไปบ้าง ร่างกายก็จะขับออกมาทางอุจจาระเอง
2 ถ้าเกิดอาการแพ้ หรือไม่ถูกโรคกับน้ำมันที่ใช้อยู่ ก็ให้ลองเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ดู
3 น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันงา นั้นใช้ได้ผลพอๆ กัน น้ำมันอื่นๆ ยังไม่พบว่าใช้มากนัก และควรใช้น้ำมัน
สกัดเย็น (แต่ก่อนนั้น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นยังไม่มีใช้ในอายุรเวท จะใช้น้ำมันงารักษาโรคเป็นส่วนใหญ่)

ที่มา ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling) , ออยล์พูลลิ่ง oil pulling นวดบำบัดผ่านช่องปาก

Share