Category Archives: สื่อที่น่าสนใจ

ธรรมะอินดี้..แบบ “ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า”

หลายคนคงรู้จักวง “อพาร์ตเมนต์คุณป้า” ที่อาจชื่อแปลกแต่สำหรับคอดนตรีอิสระ วงนี้อยู่ในใจไม่น้อย และมีเพลงที่เขาเคยแต่งและร้องกันไว้ อย่าง “ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ” จนนำมาประกอบในหนัง “สายลับจับบ้านเล็ก” โด่งดังเป็นพลุแตกมาแล้วจากเสียงร้องของ “ดา เอ็นโดรฟิน” และ “ป๊อบ แคลอรี่ บลาบลา” แต่ผู้ที่เป็นนักร้องนำแห่งวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า คือ “ตุล ไวฑูรเกียรติ” ที่เพิ่งมีหนังเรื่องแรกในชีวิตอย่าง “อยากได้ยินว่ารักกัน” และวันนี้เราจับหนุ่มคิดอิสระคนนี้มาพุดคุยเรื่องธรรมะ ซึ่งบทสรุปที่ได้ คือทุกครั้งที่เกิดทุกข์ เขาใช้ปลายปากการะบายออกมาเป้นเสียงเพลง นั่นเอง

เนื้อหาเพลงถูกอกถูกใจคนฟังเพลงแนวอินดี้ไม่น้อย กวาดมาทุกเวที แต่สำหรับเวที “ธรรม” ตุล ออกตัวว่าไม่ใช่คนธรรมะธัมโม นุ่งขาวห่มขาว หากแต่เมื่อมีกิเลสขึ้นมา เขาดับกิเลสนั้นด้วย “ดนตรี”

“ผมไม่ใช่คนนั่งสมาธินะ จริงๆแล้วการแต่งเพลง การทำดนตรี เราต้องมีกิเลสเยอะ มันค่อนข้างตรงกันข้ามกับธรรมะเลย ธรรมะทำให้ใจเราสงบใช่มั้ยครับ แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันคือช่วงที่จิตผมป่วน เกิดกิเลส เศร้า โกรธ เครียด จุดประกายให้เกิดดนตรีได้ ถ้าผมสงบดี คิดไม่ออก จะไม่ทำเพลง ผมว่าเพลงมันคือเครื่องปลดทุกข์ครับ เวลาสุขผมก็ค่อนข้างสงบจะนั่งเฉยๆอ่านหนังสืออะไรไป ใช้ชีวิตอย่างอื่นแทน”… ตุลเอ่ยถึงการบำบัดทุกข์ด้วยการแต่งเพลงของเขาแบบที่เราไม่เคยรู้

สำหรับการทำบุญของเขานั้น หนุ่มตุลบอกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นประจำคืออุปการะเด็กจากมูลนิธิยูนิเซฟ และใช้ดนตรีช่วยในจุดที่คนดนตรีอย่างเขาพอจะช่วยได้

“ผมช่วยได้เท่าที่ผมไหว เช่นอุปการะเด็กผ่านมูลนิธิที่เราสนใจและโอเค ให้เขาทุกเดือนให้เรียน ส่งเขาเรียนไปเรื่อยๆ ที่ยูนิเซฟทำทุกเดือน เขาตัดจากบัตรเครดิตไป โครงการศุภนิมิต เขาจะส่งรูปเด็กมาให้เราดูว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร อุปการะตามที่เราพอไหวครับ แต่พวกทำสังฆทาน ก็ไปทำครับไม่มีปัญหา แต่ติดตื่นสายครับ ไม่ทันพระ แสดงออกดว้ยทางอื่นจะเยอะกว่า”

“ผมทำบุญ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ครับ อะไรที่เราช่วยได้เราก็ทำ บางทีเราเป็นนักดนตรี เราก็ช่วยองค์กรต่างๆ เราทำในส่วนที่เรามีเรี่ยวแรงดีกว่าครับ เป็นสิ่งที่เราทำได้ครับ ผมไม่ใช่ทางนุ่งขาวหุ่มขาวครับ เพราะผมเป็นคนอยู่เฉยไม่ได้”

สำหรับเขาแล้ว เขาบอกว่าไม่ได้เน้นหนักหรือเคร่งครัดในศาสนาใดศาสนาหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของการทำดีศาสนาทุกศาสนาย่อมสอนให้คนเป็นคนดี

“บ้านผมพุทธนะ แต่จริงๆผมไม่มีศาสนานะครับ ผมเป็นอะไรก็ได้ ใครพาผมไปไหนก็ไปได้ครับ ใครพาไปโบสถ์คริสต์ก็ไปได้ มีเพื่อนเป็นอิสลามก็ทำประเพณีเขาผมก็ไปได้หมด”

“ผมคิดว่าอย่างผมใช้ปรัชญาบางอย่างได้ แต่เราก็มีความสุขที่เรากินเหล้าใช่มั้ย เราจะพูดว่าเราเป็นพุทธศาสนิกชนได้ไม่เต็มปากหรอก เพราะว่าเราเองก็กินเหล้าอยู่ พระสวดว่าสุราเมรัยยะ แต่เราก็กินสุราเป็นระยะๆ เราเอามาใช้ได้ มันอยู่ที่เราหยิบมา เราคนของโลกทุกศาสนาจึงมีข้อดี เลือกอันเดียวก็ไม่ยึดในกฏ เราก็เลือกเอาครับ”

แต่ตุลบอกว่าสำหรับวิถีพุทธแล้ว สิ่งที่เขาคิดว่า “จริง” และ “ใช่” ที่สุดคือ ต้องการน้อยก็คือทุกข์น้อยนั่นเอง

“วิถีพุทธคือวิถีง่ายนะ คือถ้าเราต้องการน้อย เราก็ทุกข์น้อย คือมันเป็นวิถีง่ายๆกิเลสเป็นตัวที่ทำให้เราทุกข์ การแต่งเพลงก็ดีนะ เราจะเห็นกิเลสตัวเอง เพลงเศร้าเราก็เห็นกิเลสคือความเศร้า มันไม่จีรัง มันเขียนลงระบายกระดาษ โกรธระบายก็จะเห็นตัวกิเลสเรานี่แหละ คนเรามันมีกิเลสทั้งนั้น มันอยู่ที่ว่าเอาไปลงตรงไหน ผมว่าคนที่เขียนเพลง เขียนหนังสือได้ โชคดีครับเหมือนมีบริษัทประกันมาจ่ายให้ว่าเราได้เพลง”

ชีวิตไม่สิ้นหวังแบบ “ตุล”

“เราต้องอยู่อย่างมีหวัง โลกซ่อมตัวเองได้ ทุกอย่างมันซ่อมตัวเองได้ ชีวิตคนเรามันมีปัญหากันทุกคนนะครับ อินได้แต่อินให้ถูกเวลา ถ้าคุณอิน 24 ชั่วโมงก็ไม่ไหวครับ นักการเมืองเขาเล่นการเมืองเองเขายังไม่อินทุกวันเลยครับ เหมือนนักดนตรีก็ไม่ได้อินกับดนตรีทุก 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นคนปกติธรรมดาก็อย่าไปอินกับอะไรมาก คิดได้แต่รู้เท่าทัน ว่ามันคือข้อมูล”

“ธมฺมปีติ สุขํ เสติ” ผู้อิ่มใจในธรรม ย่อมนอนเป็นสุข…หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

ข่าวโดย ทีมงาน M-Lite
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Share

ทำไมเด็กไทยปฏิเสธไม่เป็น..!!

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.mychildhealth.net

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.mychildhealth.net

คนเป็นพ่อแม่มักจะชื่นชมและชื่นชอบลูกในเวลาที่เชื่อฟัง หรือปฏิบัติตามที่พ่อแม่ต้องการ แล้วก็จะบอกว่าลูกเราเป็นเด็กดี เป็นเด็กว่าง่าย เลี้ยงง่าย

ในทางตรงข้ามถ้าลูกไม่เชื่อฟัง ให้ทำอะไรถ้าไม่ยอมทำ หรือพูดอะไรมักจะเถียง หรือไม่ฟังพ่อแม่ ก็มักทำให้พ่อแม่หัวเสีย และลงท้ายต่อว่าลูกว่าเป็นเด็กดื้อ เลี้ยงยาก ยิ่งถ้ามีลูกสองคนแล้วมีนิสัยตรงข้ามกันอย่างนี้ ลูกคนที่เชื่อฟัง ก็มักจะเป็นลูกคนโปรด

และความคิดเหล่านี้ก็ไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ลูกเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ในสังคมทุกระดับก็มักจะชื่นชอบเด็กในทุกระดับที่เชื่อฟังเช่นกัน

เราต้องยอมรับว่าค่านิยม และทัศนคติในการเลี้ยงดูลูกในบ้านเรา ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกบ่มเพาะกันรุ่นแล้วรุ่นเล่าสอนให้ลูกเชื่อฟังพ่อแม่ บางคนถึงขนาดสอนให้เชื่อโดยปราศจากเงื่อนไข ด้วยความคิดที่ว่าเพราะพ่อแม่รักลูก สิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่ปรารถนาดีต่อลูกทั้งสิ้น

ทั้งที่ในความเป็นจริง สิ่งที่เชื่อฟังพ่อแม่มาโดยตลอด แท้จริงแล้ว วันหนึ่งอาจกลายเป็นดาบสองคมในการย้อนกลับมาทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว..!!

และด้วยระบบที่เด็กถูกสอนให้เชื่อพ่อแม่ พอเข้าสู่รั้วโรงเรียนก็ถูกหล่อหลอมให้เชื่อคุณครู และเมื่อเขาเติบโตเข้าสู่สังคม ก็ถูกสอนให้เชื่อผู้นำในองค์กร ในชุมชน ในหน่วยงาน องค์กรนั้นๆ เรียกง่ายๆ ก็คือ เด็กๆ ในบ้านเราส่วนใหญ่เติบโตมาในสังคมที่ถูกบ่มเพาะให้เชื่อผู้นำ

ผลที่ตามมาก็คือ

หนึ่ง เด็กไม่เป็นผู้นำ ชอบเป็นผู้ตามมากกว่า ชอบเดินตามกรอบที่ผู้ใหญ่ขีดเส้นทางไว้ให้ ดังประโยคที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ว่า “เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด” โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาเมื่อพวกเขาเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่

สอง เด็กไม่กล้าแสดงออก เพราะขาดความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองมักจะเป็นคนคิด คนทำให้เป็นส่วนใหญ่ จึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา

สาม เด็กไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อประสบปัญหาก็ไม่กล้า ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ และปัญหาเรื่องเพศก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งเช่นกัน เพราะเด็กปฏิเสธไม่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น อาจประสบปัญหาเมื่อแฟนขอมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ขาดทักษะที่จะปฏิเสธ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร จนนำไปสู่ความเลยเถิด ซึ่งทำให้เกิดสภาพปัญหาเรื่องท้องไม่พร้อม และโรคภัยต่างๆ ที่มากับการมีเพศสัมพันธ์

ยิ่งพอถึงช่วงวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก เด็กวัยรุ่นจึงมักตกเป็นจำเลยของสังคมทุกครั้งไป
แท้จริงแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครองควรสอนให้ลูกรู้จักการ “ปฏิเสธเป็น” ตั้งแต่เด็ก แต่เป็นการปฏิเสธแบบมีเหตุมีผล

สิ่งที่ควรปลูกฝัง คือ

หนึ่ง สร้างความมั่นใจให้กับลูกตั้งแต่เล็ก ด้วยการมอบความรัก ความอบอุ่น และความเข้าอกเข้าใจลูก เมื่อเด็กเกิดความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ ก็จะทำให้เชื่อมั่นในตนเอง

สอง สอนให้ลูกมีเหตุมีผล การเชื่อฟังพ่อแม่เป็นเรื่องดี แต่ก็สามารถที่จะแย้งได้เมื่อเห็นต่าง เพื่อกระตุ้นให้เด็กฝึกคิด และแก้ปัญหา

สาม เสริมความเป็นผู้นำให้ลูก ด้วยการมอบหมายให้ลูกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยตนเอง และควรชื่นชมเมื่อลูกสามารถทำสำเร็จ

สี่ ฝึกให้ลูกปฏิเสธ เมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และค่อยๆ เพิ่มระดับการปฏิเสธด้วยการพูดคุยและสมมติสถานการณ์ต่างๆ เพิ่มเติมด้วยก็ได้

ผลสำรวจของโพลล์เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของกลุ่มวัยรุ่นในบ้านเราส่วนใหญ่ พบว่าเกิดจากการที่เด็กสาวจำนวนมากไม่กล้าปฏิเสธแฟนเพศตรงข้าม

ประเด็นเรื่องเด็กปฏิเสธไม่เป็น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ผู้ใหญ่จะละเลยอีกต่อไปแล้ว เพราะปัญหานี้ได้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ ที่เรามักพบเห็นตามสื่อ และกระแสสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นประจำทุกปี เมื่อถึงวันแห่งความรัก

เราอยากจะเฝ้ามองลูกหลานของเราเติบโตต่อไปอย่างไร เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น

แล้วเราอยากให้ลูกเรา “ปฏิเสธเป็น” หรือเปล่า…!!!

โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

ที่มา Manager Online – ทำไมเด็กไทยปฏิเสธไม่เป็น..!!

Share

ดร.วรภัทร ภู่เจริญ – ผมไม่ได้สอนธรรมะ แต่ผมสอนชีวิต

น่าจะเป็นคลิปที่เพิ่งออกมาไม่นาน และฟังได้ทันสมัยมากครับ
เหมาะกับคนทั่วไปและวัยรุ่นมาก

ท่านเล่าถึงจริตของคนแต่ละคนมี นิสัย สันดาน
เมื่อมาปฏิบัติธรรมแล้วจะแสดงจุดเด่นจุดด้อยออกมายังไง

มีกล่าวถึงนิสัยที่เจอได้บ่อยๆ ตามเวบบอร์ดด้วย เช่น
พวกชอบอ่านชอบฟังมาเยอะ ตัวเองไม่ค่อยลงมือปฏิบัติจริงๆจังเท่าไร
แต่ชอบอ้างเอาคำสอนครูบาอารย์ท่านนั้นท่านนี้ไปถกเถียงไปโจมตีไปว่ากล่าวคนอื่น เป็นต้น

ขอบคุณที่มา: http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9632836/Y9632836.html#24

http://b613.exteen.com/20100901/entry

และผู้ส่งต่อให้ลิงค์ผมมาอีกที @ilumin











Share