Category Archives: สุขภาพ

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

“น้ำ”เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมากกว่าอาหาร คนเราสามารถอดอาหารเป็นระยะเวลานานๆ ได้ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้นานเกินกว่า 4 วัน การดื่มน้ำในแต่ละวันก็ส่งผลต่อสุขภาพของคุณได้เช่นกันนะคะ ซึ่งคุณอาจจะไม่รู้ตัวว่า คุณอาจจะกำลังดื่มน้ำแบบผิดวิธีอยู่ก็ได้ค่ะ

ดื่มน้ำมากเกินไป ร่างกายก็เหมือนแก้วน้ำล้น
หลายคนคงเข้าใจว่า เมื่อร่างกายต้องการน้ำจึงดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินไป ผลที่ตามมาก็คือ เกิดอาการท้องอืด ปัสสาวะบ่อย แล้วสีของปัสสาวะก็จะใส ซึ่งการปัสสาวะที่อยู่ในระดับปกติจะออกสีเหลืองอ่อน และถ้าขาดน้ำ ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้ม และเมื่อปัสสาวะบ่อยๆ นานๆ เข้า ทั้งยังไม่ยอมลุกไปเข้าห้องน้ำอีกหรือชอบกลั้นปัสสาวะ ก็จะเกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

ดื่มน้ำน้อยเกินไป ร่างกายก็เหมือนต้นไม้เหี่ยวเฉา
การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายได้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แต่ถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่น้อยต่อความต้องการของร่างกาย ผิวหนัง ผิวกายและเส้นต่างๆ ก็จะตึง เพราะเลือดจะข้นมาก ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยการสูบฉีดเลือดซึ่งเป็นไปอย่างความยากลำบาก การส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะทำงานช้าลง แต่ถ้ารับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะน้ำก็จะเข้าไปรวมตัวกับเลือด เพื่อให้เลือดลดปริมาณความข้น หัวใจก็สามารถสูบฉีดเลือดได้สะดวกและการนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ง่ายขึ้น
ดื่มน้ำให้พอเหมาะกับความต้องการของร่างกายดีที่สุด

การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ ลดอาการท้องผูก เพราะน้ำจะเข้าไปช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ทำให้กล้ามเยื้อของเรามีความชุ่มชื้น ผิวหนังดูสดใสเปล่งปลั่ง ใบหน้ามีเลือดฝาด ยังช่วยในการเผาพลาญไขมันที่ต้องกำจัด เพราะไตทำงานได้ดีและเป็นปกติ

ควร/ไม่ควรในการดื่มน้ำเพื่อให้มีสุขภาพดี
ควร… ดื่มน้ำทีละอึก ค่อยๆ ดื่ม เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่า
ไม่ควร… ดื่มน้ำรวดเดียวหมด เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ช้าและยังเกิดอาการจุกเสียดกระเพาะและอึดอัดท้อง

ควร… ดื่มน้ำอุ่นตอนเช้า 3-5 แก้วเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เพื่อให้ร่างกายได้ขับถ่ายของเสียและสารพิษในร่างกาย
ไม่ควร… ดื่มน้ำเย็นก่อนนอน เพราะจะทำให้เวลากลางคืนที่คุณหลับ จะลุกขึ้นมาปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้การนอนหลับของคุณขาดช่วง เท่ากับว่าคุณต้องไปเริ่มกระบวนการพักผ่อนใหม่อีกครั้ง (ควรดื่มน้ำอุ่นแทนการดื่มน้ำเย็น เพื่อปรับสมดุลในร่างกายให้ปกติ)

ควร… ดื่มน้ำผลไม้ ชนิดไม่แยกกาก หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของธัญพืชชงร้อนๆ ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นและเติมไฟเบอร์ให้ร่างกาย การขับถ่ายก็จะง่ายขึ้น
ไม่ควร… ดื่มน้ำอัดลม เพราะยิ่งจะไปเพิ่มปริมาณแก๊สในกระเพาะ ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย

ควร… ดื่มน้ำหลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว 15-30 นาที เพื่อให้อาหารที่รับประทานเข้าไปย่อยให้หมด
ไม่ควร… ดื่มน้ำตามเวลารับประทานอาหาร เพื่อจะทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปเข้าอืด ส่งผลให้อาหารไม่ย่อย ก็จะเกิดอาการปวดท้อง (แต่สามารถจิบน้ำซุประหว่างรับประทานอาหารได้)

แค่คุณเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำ คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีได้ง่ายๆ แล้วค่ะ
เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ

Share

สุขภาพดีด้วย “วารีบำบัด”

น้ำ นอกจากจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เพื่อให้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดูแลรักษาสุขภาพและบรรเทาอาการเจ็บปวดเบื้องต้นต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า “วารีบำบัด” ซึ่งสามารถบำบัดได้ด้วยตนเองที่บ้าน โดยใช้น้ำในหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งจะเหมาะสมและสัมพันธ์กับอาการที่เกิดขึ้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะบำบัดด้วยน้ำแบบสบายๆ แล้ว วารีบำบัดก็เป็นหนทางเลือกต้นๆ ที่ช่วยคุณได้ค่ะ

วารีบำบัด เป็นวิธีที่ใช้ธรรมชาติเข้ามากระตุ้นประสิทธิภาพของระบบภูมิต้านทานโดยเฉพาะ ซึ่งมีวิธีการบำบัดอย่างง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้ไม่ยากค่ะ

นั่งแช่ในน้ำอุ่น
ให้คุณแช่ตัวลงในอ่างน้ำอุ่น โดยใช้อ่างขนาดใหญ่ 2 ใบ ใบหนึ่งใส่น้ำอุ่น ใบหนึ่งใส่น้ำเย็น ให้คุณนั่งลงในอ่างน้ำอุ่นแล้วแช่เท้าในอ่างน้ำเย็นนาน 3 นาที จากนั้นก็สลับข้างกันนาน 1 นาที ทำซ้ำ2-3 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยคลายอาการปวดข้อเจ็บคอและมีไข้สูงได้ รวมทั้งยังเป็นการผ่อนคลาย เมื่อคุณทำงานหนักมาทั้งวัน

สำหรับผู้ที่มีปัญหาที่ช่องคลอดหรือทวารหนัก สามารถแช่ในน้ำอุ่น เพื่อบรรเทาอาการของอาการริดสีดวงและช่วยให้การขับถ่าย(ในกรณีที่ท้องผูก) ได้ง่ายขึ้น และสามารถบรรเทาอาการติดเชื้อในช่องคลอด และเมื่อขึ้นมาจากนั่งแช่ในน้ำอุ่นแล้ว ได้จิบเครื่องดื่มธัญพืชอุ่นๆ สักแก้วก็สบายและอิ่มท้องแบบเบาๆ ได้ด้วยค่ะ

ประคบเย็น
การประคบเย็นเป็นการบำบัดรักษาอาการต่างๆ อาการปวดข้อต่างๆ ปวดหัวหรือหลอดลมอักเสบ และสำรับการป้องกันหรือรักษาอาการหวัด สามารถประคบเย็นได้ทั้งตัว โดยการนำผ้าขนหนูผืนแรกมาปูรองนอน ใช้ผ้าขนหนูผืนที่ 2 ชุบน้ำเย็นแล้วบิดให้หมาดวางทับผ้าขนหนูผืนแรก แล้วนอนลงทับผ้าขนหนูที่ชุบน้ำแล้วประคบรอบตัว จากนั้นก็นำผ้าขนหนูผืนที่ 3 มาพันทับอีกชั้นหนึ่งแล้วใช้เข็มกลัดยืดเอาไว้ ประคบนานประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ เมื่อรู้สึกว่าผ้าอุ่นขึ้นภายใน 10 นาที ถ้าผ้ายังเย็นอยู่แสดงว่าเปียกเกินไป หรือร่างกายของคุณไม่พร้อมรับการประคบเย็น ในกรณีนี้ก็ต้องเลิกประคบ แล้วหันไปใช้วิธีอื่นแทน

ประคบร้อน
เป็นวิธีการบำบัดที่ช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพราะความร้อนทำให้เหงื่อออกและรูขุมขนเปิด ทั้งยังช่วยให้เลี้ยงไปหล่อเลี้ยงส่วนที่เกิดอาการบวมและปวดได้ โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน ห่อบริเวณที่เจ็บหรือทั่วตัว ทิ้งไว้จนผ้าเย็นอาการก็จะทุเลาลง การอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการผ่อนคลายความเครียดและความเมื่อยล้าของแขนและขา ทั้งยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดีอีกด้วย

เข้ากระโจมสมุนไพรสูดไอน้ำ
เป็นวิธีแบบชาวบ้านที่ช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการหวัด และทำความสะอาดปอด โดยการต้มสมุนไพรไทย อาทิ ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด ให้เดือด แล้วใช้ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมหม้อต้มสมุนไพรพร้อมกับนำตัวเราเข้าไปอยู่ในกระโจมนี้ไว้ แล้วสูดเอาไอน้ำอย่างช้าๆ อยู่ในกระโจมประมาณ 10-15 นาที คุณก็จะรู้สึกดีขึ้นและอาการคัดจมูกก็จะทุเลาลง

นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ อาทิ การอบซาวน่า แช่น้ำในอ่างน้ำวนจากุนชี่ เป็นต้น แล้วคุณจะเชื่อว่าน้ำเป็นพลังธรรมชาติที่สามารถบำบัดและดูแลสุขภาพให้คุณได้ และอย่าลืมดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของธัญพืช ที่มีคุณประโยชน์ครบถ้วน เพื่อให้คุณพร้อมและมีร่างกายสดใสแข็งแรงนะคะ

เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
จาก Ovaltine 5 Grains

Share

เคล็ดลับจัดบ้านอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

คำกล่าวที่ว่า “บ้านคือวิมานของเรา” นั้นเป็นเรื่องจริง การที่เราทำงานเหนื่อยหนักมาทั้งวัน เมื่อกลับมายังบ้าน เราจะได้รับถึงความอบอุ่น และความสบายทั้งร่างกายและจิตใจไปในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีครอบครัวอย่างพร้อมหน้า ที่รอต้อนรับคุณกลับบ้านด้วยความใจจดใจจ่อนะคะ

ดังนั้นเมื่อบ้านเป็นเสมือนที่พักพิงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจแล้ว วันหยุดว่างๆ สัปดาห์นี้ มาเปลี่ยนแปลงเสกบ้านให้น่าอยู่และจัดบ้านให้ดีต่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ ซึ่งคุณอาจจะสนุกไปกับคนในครอบครัว หรือเป็นการออกกำลังกายอีกหนึ่งรูปแบบที่คุณได้ทั้งงานบ้าน ได้ทั้งสุขภาพที่ดีมาเป็นของแถมกำลังสองค่ะ

1.เปิดหน้าต่างและประตูบ้านรับลมทุกทาง
เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ขับไล่ความอับชื้นภายในตัวบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีเลี้ยงสุนัขหรือแมว หรือมีคนสูบบุหรี่ด้วยแล้วก็ควรที่จะเปิดหน้าต่างและประตูเป็นประจำ หรืออาจแขวนพิมเสนไว้ที่หน้าต่างหรือตั้งตะเกียงน้ำมันหอม กลิ่นยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง รักษาอาการหวัดคัดจมูก หรือกลิ่นเปเปอร์มินต์ ทำให้กระปรี้กระเปร่า เตรียมพร้อมกับการจัดบ้านต่อไป

2.ปลูกต้นไม้เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์
ควรที่จะปลูกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยในการดูดสารพิษที่ก่อตัวภายในบ้าน หรือสารพิษที่ปะปนมาทางอากาศ อาทิ ต้นเบญจมาศ ต้นสาวน้อยประแป้ง ซึ่งเหมาะกับบ้านขนาดเล็ก มีเนื้อที่ของสวนค่อนข้างจำกัด ต้นมะเดื่อ หรือต้นไทร ซึ่งเหมาะกับสวนสาธารณะหรือบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง เนื่องจากต้นไม้จะดูดคาร์บอนไดออกไซด์และคายอออกซิเจนคืนสู่อากาศ เพื่อสร้างความสมดุลให้บรรยากาศ ทั้งยังให้อากาศที่บริสุทธิ์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน และได้รับอากาศที่เย็นสบายในช่วงหน้าร้อน หรือเย็นฉ่ำไปกับฤดูฝน และเพิ่มดีกรีความเย็นในช่วงที่อุณหภูมิลดลงต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างอ่างบัว บ่อปลาขนาดเล็ก หรือสระน้ำขนาดย่อม ก็สามารถลดดีกรีความร้อนภายในบริเวณบ้านได้เช่นกัน

3.จัดแสงในบ้านให้พอเหมาะ
อาจจะเปิดหน้าต่างด้านทิศตะวันออก เพื่อเปิดรับแสงแดดยามเช้า ที่มีวิตามินดี ระยะเวลาที่พอเหมาะคือ 15-20 นาทีในการรับแสงแดดแต่อย่ามากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ และแสงสว่างภายในบ้านที่พอเหมาะ จะช่วยปรับระดับความสบายใจและการผ่อนคลายของสายตา เนื่องจากแสงไฟฟ้าภายในบ้านที่ปรับความเข้มของแสงที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดความสมดุลของแสง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ และการที่คุณได้รับแสงที่น้อยเกินไป ก็อาจเกิดภาวะอาการซึมเศร้า หรือถ้าได้รับมากเกินไปอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนได้ ดังนั้นควรจัดแสงที่เน้นแสงจากธรรมชาติให้ตรงกับการขึ้น-ลงของพระอาทิตย์ นอกจากจะดูแลสุขภาพแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ช่วยชาติได้อีกทางค่ะ

4.หมั่นเอาที่นอน หมอน หมอนข้างและผ้าห่มออกพึ่งแดด
เพื่อฆ่าไรฝุ่น และขจัดกลิ่นอับบนหมอน ยามนอนจะได้หลับสบาย ไม่เกิดอาการแพ้ฝุ่นหรือคัดจมูกยามตื่น กระทั่งการนำตุ๊กตาที่อยู่ในห้องนอนสาวๆ หรือเด็กเล็กมาหมั่นซักทำความสะอาด หรือตากแดด เพราะตุ๊กตาส่วนใหญ่แล้วผ้าที่ใช้จะเป็นผ้าขน ฝุ่นจะเกาะได้ง่าย อาจเกิดอาการแพ้และได้รับฝุ่นขณะหลับได้

รวมทั้งม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำ ซึ่งคุณลองสังเกตสักนิดว่า คราบดำที่เกิดขึ้นนั้น นั่นคือแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยการเติบโตโดยอาศัยการผาย การเรอ การไอ จามของเราก็เป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของมัน ทางที่ดีควรหมั่นถอดออกมาซักอาทิตย์ละครั้ง และอะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเช่นกัน แต่ทั้งนี้มันจะทำอันตรายอย่างหนักเฉพาะกับคนป่วยหรือตอนที่เรามีแผลเท่านั้นค่ะ

5.ควรใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติในการทำความสะอาด แทนการใช้น้ำยาสารเคมี
เวลาทำความสะอาดบ้าน หลายๆ คนคงนึกถึงน้ำยาสารเคมี ซึ่งจะคิดว่าจะสามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เป็นธรรมชาติก็สามารถช่วยคุณได้เช่นกัน อาทิ ผงฟูหรือน้ำส้มสายชูแทนน้ำยาทำความสะอาดห้องครัว สุขภัณฑ์ ขจัดกลิ่นและคราบต่างๆ หรือน้ำเอ็มไซม์ที่หมักจากสับปะรดก็สามารถช่วยทำความสะอาดและยังสามารถนำไปซักเสื้อผ้าได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลงในน้ำก็ไม่เน่าเสีย และนำที่เหลือจากการซักผ้าก็นำไปรดน้ำต้นไม้ได้ด้วย นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ใช้ในบ้าน ในรูปแบบสเปรย์ เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหอบหืดในคนที่แพ้อากาศได้

หลังจากเหนื่อยกับการจัดบ้านแล้วก็อย่าลืมดิ่มเครื่องดิ่มธัญพืชที่รวมคุณประโยชน์ดีๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อเรียกความสดชื่น สดใสให้กับร่างกายด้ยวยนะคะ

เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
จาก Ovaltine 5 Grains

Share