Category Archives: บันทึกของชีวิต

ความทุกข์ของ Social Network

หมวด Twitter

Tweet เพื่อรอการ Mention เป็นทุกข์

Tweet เพื่อรอการ RT เป็นทุกข์

Tweet เพื่อให้ Celeb มาสนใจเป็นทุกข์

Tweet เพื่อให้เธอสนใจเป็นทุกข์

DM เพื่อรอการ Reply จากใครเป็นทุกข์

การสะสม Follower เป็นทุกข์

การมี Follower คนรู้จัก และมันพูดมาก เป็นทุกข์

การมี Follower หนุ่มสาวน่ารักที่ไม่รู้จักและเขาไม่คุยด้วย เป็นทุกข์

การมี Followe และมัน Mention RT ตลอดเวลา เป็นทุกข์

มีแฟนแล้วถูกแฟน Follow (อาจจะ)เป็นทุกข์

การมีหลาย Account (อาจจะ)เป็นทุกข์

Tweet เพื่อแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นเป็นสุข

Tweet เพื่อระบายความในใจเป็นสุข

Tweet ไม่ดราม่ากับใครเป็นสุข

หมวด Facebook

Add friend หาสาวหรือหนุ่มหมายปอง แล้วรอรับ เป็นทุกข์

Post Wall เพื่อรอ Comment หรือ Like จากเพื่อนเป็นทุกข์

Post Photo เพื่อรอ Comment หรือ Like จากเพื่อนเป็นทุกข์

ถูก Tag รูปอุบาท เป็นทุกข์

โดน Tag โฆษณา เป็นทุกข์

สร้าง Page คน Like น้อย เป็นทุกข์

ไม่คาดหวังจำนวน Comment, Like และ Friend เป็นสุข

Post Wall เพื่อแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นเป็นสุข

Post Wall เพื่อระบายความในใจเป็นสุข

Post Wall ไม่ดราม่ากับใครเป็นสุข

Add friend เฉพาะเพื่อนที่รู้จัก แล้วรอรับ เป็นสุข

Tag รูปอุบาทให้เพื่อน เป็นสุข

รับจ้าง Tag โฆษณา แล้วได้เงิน เป็นสุข

หมวด foursquare

การพยายามสะสม Badge เป็นทุกข์

การพยายามเป็น mayor เป็นทุกข์

การถูกสร้าง venue ซ้อนเป็นทุกข์

การถูกผู้อื่นมา Check-in บ้านตัวเอง เป็นทุกข์

การ Check-in ตามความเป็นจริง เป็นสุข

การได้ Badge ตามความเป็นจริง เป็นสุข

posted on 06 May 2011 21:15 by ifew

ความทุกข์ของ Social Network | เรียกเหมี๊ยวๆ เดี๋ยวฟิวส์ก็มา http://url.in.th/iVRWo0

Share

ความหวัง ความฝัน และเป้าหมาย

เมื่อคืนผมพบใครหลายๆ คน ที่รู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้าง

ที่ทุกคนในนั้นต่างมีความรักในสิ่่งที่ตนเองทำ

ทั้งหมดถูกแสดงออกมาผ่านผลงานในมุมแกลลอรี่เล็กๆ แต่อบอุ่น

ในวงสนทนาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ ภาพถ่าย มือถือ กล้องและงานศิลป

นี่ไม่ใช่งานแรกที่ผมไปกับเพื่อนเหล่านี้ และผมพบทุกครั้ง ว่า

นัยตาของพวกเขาจะเปร่งประกายทุกครั้งที่พูดในสิ่งที่ตนเองรักและได้ทำมัน

เช้าวันนี้ผมคิดถึงอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมไม่ได้ขอคำชี้แนะมานาน

ท่านสอนจิตวิทยา และเป็นคนที่ผมเปิดใจถามในทุกเรื่องที่ผมอยากจะถาม

ท่านเคยบอกว่า ทุกครั้งที่ผมถาม มักปรากฏแสงในแววตาที่ใครก็รู้สึกได้

ผมไม่แน่ใจนัก เพราะผมชอบถาม หรือ เพราะผมถามในสิ่งที่ผมรัก กันแน่

และผมก็ไม่อาจรู้เช่นกันว่า เมื่อคืน แววตาผมเป็นเช่นไร

ในอารมณ์แห่งความคาดหวังต่างๆ นานา ท่ามกลางสิ่งที่ตนเองรัก

ผมฉุกคิดได้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ก่อนลงมือกดอักษรตัวแรก

“มนุษย์เสียใจเพราะความหวังใช่หรือเปล่า”

แต่ผมละเลยกับการหาความหมายของคำว่า “ความหวัง”

ผมพยายามหาทดเทนมัน

เพื่อให้ได้คำที่มุมมองเดียวกันแต่มีความรู้สึกที่แตกต่าง

และคำแรกที่เปิดมาจากลิ้นชักของความคิด.. “ความฝัน”

แต่ความฝันผมมองมันด้วยความรู้สึกเดียวกันกับความหวัง

แต่เพียงเป็นหวังที่ตั้งใจเปิดเผย

หรือ แอบตั้งใจลึกๆ ที่ไม่กล้าแสดงออกหรือแม้แต่จะคิด

ด้วยความคิดแบบมายาๆ  ที่เรา(หรือผมคนเดียว) ถนัด เช่นนี้

สุดท้าย ฝันจะเป็นจริงหรือไม่ เราคงอยากให้มันสมหวังแบบไม่มีเหตุผล

ผมหยุดคิดต่อครู่หนึ่ง ลิ้นชักชั้นที่สองก็ถูกเปิดขึ้นเอง.. “เป้าหมาย”
ความลังเลเกิดขึ้นเบาๆ เมื่อคำนี้อยู่ในหัวผม

แม้มันจะดูจริงจัง แต่มันก็ดูเข้าท่าที่จะคิดต่อ

ก็เพราะมันดูจริงจังนี่เองหรือเปล่า มันถึงทำให้ผมรู้สึกว่า มันคือ “ความหวัง”

แต่หวังที่เหนือจากความเป็นมายา แต่โลดแล่นอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง

ทุกอย่างที่ตัวเราเองต้องคิด วางแผน และลงมือทำ

อย่างมีเหตุ มีผล และมีที่มาที่ไป

เพื่อให้ถึง “ความหวัง” นั้น

แม้จะ “ผิดพลาด” และ “ไปไม่ถึง”

อย่างน้อย เราก็ได้รู้ว่า เราทำดีที่สุดแล้ว ด้วยตัวเราเอง

อาจจะเสียใจน้อยลง หรือไม่เสียใจเลย ถ้าเทียบกับคำว่า

“ผิดหวัง” หรือ “ไม่สมหวัง”

ผมชอบนะ “มุ่งไปให้ถึงดวงจันทร์ แม้ไม่เป็นดังฝัน ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว”

มันคงเป็นประโยคที่ ถ้าคนไม่แค่ฝันธรรมดาๆ ได้มองให้มันเป็นเป้าหมายและทำมัน

แม้จะไม่ถึงดวงดาว แต่ก็ยิ่งใหญ่ที่สุด

Share

ตามหากาลิเลโอ ตามหาตัวเอง

“คุณกาลิเลโอครับ คุณรู้ไหม.. มันช่างโดนใจผมจัง..”

เมื่อวานได้ดูภาพยนตร์ ตามหากาลิเลโอ แบบไม่ทันตั้งตัว
ก็ตามสไตล์ของค่าย GTH เขาหละครับ
ดูแล้วก็ “ฟีลกู๊ดๆ” (Feel Good) สลับ “อะโลนๆ” (Alone) อย่างบอกไม่ถูก

ก่อนจะดูเรื่องนี้ ตัวอย่างหนังมันบอกผมเนืองๆ ไว้แล้ว ว่า
มันคือ “Memo ฉบับ เต้ยต่ายทัวร์ยุโรป” นั่นเอง (ใครไม่รู้จัก memo ลองถามพี่กูได้)

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะพูดถึงใน entry นี้หรอกนะ
“มันผิดสไตล์ผม!” (แม้ว่าอยากจะเขียนเรื่องเต้ยต่ายน่ารักจนมือสั่นยิกๆ)

แต่สิ่งที่ผมชอบและโดนใจมาก คือ แนวคิดของตั้ม (แสดงโดย เรย์ แม็คโดนัลด์)

ตั้มเป็นคนที่ใช้ชีวิตอิสระเสรี แต่ยอมทำตามทำเนียบและสังคมในแบบคนทั่วไป
ตั้มจัดงานศิลป อยากทำอะไรก็ทำ มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ทำตามคนอื่น
แต่ตั้มก็ยังรู้ว่าสิ่งที่ถูกคือถูก สิ่งที่ผิดก็คือผิด และยอมรับผิดโดยดี

ตั้ม พยายามบอกกับผู้ชมว่า “เราจะใช้ชีวิตซับซ้อนกันทำไมให้ยุ่งยาก”

ดีใจครับ ที่หนังเรื่องนี้ได้สื่อสารแนวคิดนี้ ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้
(ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่า คนที่ดูแล้วเขาจะเห็นจุดนี้หรือคิดตามหรือเปล่า)

ทุกวันนี้ผมพบเจอหลายคน และรู้สึกว่าเขามักจะคิดอะไรยุ่งยากและซับซ้อนเสมอๆ
ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตปกติทั่วไปก็ยากพอแล้ว ยังจะทำอะไรให้มันซับซ้อนอีกทำไม?

ถ้าซับซ้อนแล้วทำให้ชีวิตเป็นสุขก็ทำไปเถอะ!
แต่ถ้าซับซ้อนแล้วทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ก็ไม่รู้จะทำกันไปทำไม?

แต่ที่ผมเห็นบ่อยๆ มักจะใช้ชีวิตซับซ้อนสำหรับเรื่องเลวๆ
และพอเจอปัญหา ก็ต้องแก้ด้วยวิธีที่ยากขึ้น จบด้วยความไม่มีความสุขเสมอๆ..

ในภาพยนตร์ ตามหากาลิเลโอ ก็มีอยู่สองตอนครับ ที่เชอรี่ (แสดงโดย ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ)
ทำให้นุ่น (แสดงโดย เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของตนเอง ต้องได้รับความลำบาก
เพียงเพราะการทำนิสัยมักง่ายและคิดว่าความคิดตัวเองถูกเสมอ (ตามแบบฉบับคนไทยส่วนใหญ่ในหลายพื้นที่)

ทำเรื่องเดือดร้อนแก่ตนเอง ตนเองได้รับผลก็ต้อง ยอมรับกันไป
แต่ทำแล้วให้คนอื่นต้องเดือดร้อนด้วย อันนี้ก็ไม่ไหว

สุดท้าย จากความที่จะไปเที่ยวอย่างสนุกโดยราบรื่นกับเพื่อนสุดน่ารัก
กลับต้องเจอปัญหาหลายๆ อย่าง ที่ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ

จนต้องได้ประสบเคราะห์กรรม จนเห็นแก่ตนเองเสียก่อนนั่นแหละครับ ถึงจะรู้ซึ้งว่าผิดจริง
ทั้งๆ ที่ระดับปัญญาและมันสมอง ก็น่าจะคิดได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี!

คิดแบบ ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ว่าอันตรายแล้วนะครับ แต่ที่อันตรายกว่า คือ
คิด ทำชั่วแล้ว แต่คิดว่าตัวเองไม่ชั่ว แล้วอ้างนู่นอ้างนี่ นี่สิครับ น่ากลัวมาก

ซึ่ง ในเรื่อง เชอรี่ไปปลอมรายเซ็นอาจารย์เพื่อขอใช้ห้องเขียนแบบ อาจารย์จึงให้ F ในวิชานั้น
แต่เชอรี่แทนที่จะสำนึกผิด กลับมองว่าอาจารย์ไม่ยุติธรรมเสียอย่างนั้น

ผมเจอบ่อยครับ และผมก็รู้สึกสมเพชปนกับสงสารมากเช่นกัน
กับคนที่รู้ว่าทำผิด พอมีคนว่ากล่าวตักเตือน กลับประชดประชัน ทำผิดมากขึ้นไปอีก

อยากรู้ครับ จะทำไปเพื่ออะไรครับ? เพื่อความสะใจ?
แล้วใครเป็นทุกข์ครับ? ถ้าอีกคนเฉยๆ? ก็ตนเองนั่นแหละครับ ที่เป็นทุกข์?

แทนที่รู้ว่าทำผิด แล้วสำนึกปรับปรุงตัวทำให้ดี แค่นี้ก็จบ!
จะไปทำให้เรื่องซับซ้อนกันไปทำไม? ไม่เข้าใจ!

ดังนั้น ผมไม่ใช่คนมีความอดทนอะไรมากนัก
ถ้าผมเจอคนมาทำแบบนี้สักสองสามครั้ง ผมคงต้องปล่อยไป
พร้อมกับคำพูดที่ว่า “ถ้ายืนยันจะทำ แล้วมีปัญหาอีก ไม่ต้องมาบอกกรู กรูเตือนแล้ว!”

เขียนไปเขียนมา ของชักขึ้นแฮะ
เอาเป็นว่า ลองไปดูหนังเรื่องนี้สักรอบ
และลองสังเกตุตัวเอง และคนรอบข้างครับ
ว่า “เหนื่อยไหม กับชีวิตยุ่งยากๆ ที่สร้างมาเองกับมือ?”

จงจำไว้ครับ เมื่อใดคุณสร้างปัญหาจากความซับซ้อนในการชีวิต
คุณย่อมต้องหาทางแก้ด้วยวิธีที่ซับซ้อนมากขึ้นอีกหลายเท่า!

ทำเสแสร้งกับใครไว้มากเท่าไร วันใดเขารู้ความจริง แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว… ฮ่าๆ

จริงไหม!?

Share