ร่วมรยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของเด็กและสตรี ถูกทำทารุณกรรม โดยการทุบตี ล่อลวงหรือล่วงละเมิด ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง

ยิ่งไปกว่านี้ เหยื่อผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่ มักไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทั้งนี้เนื่องจากหวาดกลัวการถูกซ้ำเติม และเกรงสังคมจะตราหน้าให้อับอาย

จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมลงชื่อเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุน ให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และร่วมรณรงค์ให้วาระนี้ เป็นวาระเร่งด่วนของประชาคมโลก

ซึ่งในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อสตรี กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเฟม (UNIFEM) จะมอบรายชื่อของทุกท่าน ที่ร่วมลงนาม ให้กับ นาย บัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ

อันเป็นการแสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของคนไทย ในการร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อสตรี

” หนึ่งเสียงของท่าน ช่วยยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง “

 

>>>>>> ร่วมลงนาม <<<<<

 

 

Share

1 thought on “ร่วมรยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

  1. ืีnuk

    หลายๆ ท่าน คงแปลกใจ ดิฉันส่งอีเมล์ฉบับนี้มาทำไม
    เพราะความทุกข์ใจและต้องการป้องกันชีวิตสิทธิเสรีภาพของพ่อแม่และครู
    ที่ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม
    ความจริงแล้ว เรื่องร้องเรียนนี้ ได้มีผู้ปกครองและครู บางท่าน ส่งเรื่องนี้
    ร้องเรียนไปยังรัฐบาลและรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาแล้ว
    เมื่อปลายเดือนเมษายน
    แต่เรื่องเงียบหาย อาจเพราะเป็นเรื่องเด็กๆ เรื่องไม่สำคัญต่อปัญหาใหญ่ของชาติที่กำลังเผชิญ
    แต่มันเป็นปัญหาหนักใจแก่พ่อแม่ มายาวนาน และมาดุเดือดในเดือน พฤษภาคมนี้
    ต้องขอโทษ ที่ดิฉันไม่กล้าแม้แต่จะใส่ชื่อจริง นามสกุลจริง
    เพราะเกรงกลัวความปลอดภัย เนื่องจากเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว
    คือเลี้ยงลูกเพียงลำพัง 2 คนแม่ลูก วัยประถม ที่ไม่มีใครดูแลแทน เพราะพ่อของเขาไปสบายแล้ว
    ดังนั้น หากดิฉันเป็นอะไรไป ลูกคงจะอยู่ลำบากมาก นี่คือเหตุผลสั้นๆ ของดิฉัน

    แต่ก็ต้องเข้มแข้ง ไม่ให้ใครรู้แม้แต่ลูก
    แต่ดิฉันเป็นคนที่ทนไม่ได้หากใครมาเอาเปรียบผู้อื่นโดยเฉพาะเด็กๆ
    หรือข่มขู่ทำร้าย เพราะความประสพการณ์ในอดีตสอนให้ดิฉันต้องเข้มแข็ง

    ส่วนลูกดิฉัน มาบอกเมื่อเปิดเทอมเดือนนี้ พ.ค. 2553 ได้สองสามวันว่า
    แม่จ๋า หนูกินแต่มาม่าค่ะ ที่โรงเรียนไม่ใส่ผักให้เด็กทาน ตั้งแต่ปีก่อนแล้วๆ
    ลูกสาวเคยถามด้วยความไร้เดียงสาว่า ทำไมไม่มีผักในอาหารเลย
    (เพราะดิฉัน สอนให้ทานผักทุกวัน) ผู้ใหญ่ในโรงอาหาร (ถามลูกบอกไม่รู้จักไม่รู้ครูหรือเปล่า)
    บอกว่า แดกๆ ไปเหอะ ดิฉันเลยไปถามคุณครู ได้คำตอบว่า
    โรงเรียนกลัวสิ้นเปลือง เด็กไม่ชอบกินผักเลยไม่ใส่
    แต่จริง เขาต้องการลดต้นทุนค่ะ ทั้งๆ ที่เงินค่าอาหารรัฐบาลก็จ่ายให้ทุกคน
    แล้วลูกดิฉันจบโรงเรียนนี้ก็ต้องไปหาเรียนที่ใหม่
    ทั้งที่ ตอนมาเข้าเปิดมัธยมอยุ่แต่ดรงเรียนไปสมรู้ร่วมคิดกับคนจ่ายงบให้โรงเรียน
    ให้ยุบมัธยม จะได้รับประถมเพิ่มขึ้น กำไรต่อหัวดีกว่า
    แบบนี้หรือ คนที่ทำหน้าที่การศึกษาสงเคราะห์ ทุเรศมากๆ กลับคำตะบัดสัตย์หลอกลวงผู้ปกครองพ่อแม่
    ให้มาเรียนหวังถึงมัธยม
    ส่วนข้อความต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริง เหตุการณ์จริง ที่กำลังเกิดอยู่ในปี 2553
    รวบรวมมาจากการเขียนโดยผู้ปกครองท่านอื่นๆ
    ———————————————————————————
    ด้วยในขณะนี้ โรงเรียนบูรพาวิทยา มีครูและผู้ปกครองได้รวมตัวกันขึ้น เพื่อร้องเรียนให้รัฐ
    เข้ามาตรวจสอบการกระทำผิดในโรงเรียนบูรพาวิทยา ที่มีมาตั้งแต่โรงเรียนก่อสร้างในปี 2547
    และก่อตั้งในปี 2549 โดยโรงเรียนมีมูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมชลบุรี อันมีนายเม่งหลี เป็นประธาน
    และนายเม่งหลี กีรติยุตวงศ์ เป็นบิดาของนายบุญชัย กีรติยุตวงศ์หรือผู้ใหญนิ่ม
    ได้กระทำการแต่งตั้งลูกชายคนโต เข้ามาเป็นประธานโรงเรียน
    (เพราะลูกชายคนรองและลูกสะใภ้เป็นนักการฑูต ประมาณนี้ ทำงานกระทรวงการต่างประเทศ)
    โดยแต่งตั้งคณะกรรมการโรงเรียนพวกของตนเอง ที่มีชื่อแค่ในกระดาษแต่ไม่ได้มามีส่วนร่วมบริหาร
    โดยนายบุญชัยหรือผู้ใหญ่นิ่ม ได้เข้ามาบริหารงานแทนผู้บริหารสถานศึกษา ตั้งแต่นั้นมา
    โดยเริ่มจากการยัดหลักฐานและกล่าวหาการโกงเงินให้แก่ผู้บริหารชุดแรก ต้องลาออกไป

    ต่อมาก็มีครูใหญ่หรือ ผอ. โรงเรียน ลาออกตามไปอีก มีมาอีกคนก็ลาออกไปอีก
    จนให้นายคเชนทร์เทพ รอง ผอ. ที่ร่วมทีมกับ ผอ. เดิม ขึ้นมาบริหาร เป็น ผอ. คนที่ 3 แล้ว
    และได้มีการเปิดเผยสิ่งไม่ดีงามแก่ผู้ปกครองและสาะารณะไปแล้วตั้งแต่เมษายน 2553

    เรื่องราวที่ผ่านมา ผู้ปกครองบางท่านก็รู้ แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า โรงเรียนเรียนฟรี
    เพราะเป็นโรงเรียนที่รัฐจ่ายเงินให้ 100% ก็เลยพอใจมากๆ ที่ได้เรียนภาษาจีน ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแพงๆ
    แต่ไม่รู้พฤติกรรมแท้จริง ไม่รู้โอกาสทางการศึกษาที่ขาดหายไป
    เพราะผู้ปกครองถูกสั่งห้ามเข้าโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาติ อ้างเหตุผล
    เพื่อความปลอดภัยเด็ก แต่รู้มาภายหลัง ป้องกันเข้าไปถ่ายรูปอาหาร ไปเฝ้าสังเกตลูกๆ
    ครูก็ห้ามเผยเรื่องราวไม่ดีให้ใครทราบ มิฉะนั้นจะโดนไล่ออก

    ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมเป็นผู้ก่อตั้ง แต่ก็ไม่ได้ก่อตั้งจากเงินกรรมการ
    เป็นเงินผู้บริจาคทั้งสิ้น แต่หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ
    มูลนิธิฯ ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ
    แต่ประธานมูลนิธิ คือ นายเม่งหลี ประกาศว่า โรงเรียนนี้อยู่มาได้ทุกปีด้วยเงินมูลนิธิ
    แท้จริงแล้ว เป็นเงินที่รัฐสนับสนุนทุกบาททุกสตางค์
    ร่วมกับเงินที่ผู้ปกครองและคนทั่วไปที่ต้องการช่วยโรงเรียน ช่วยกันบริจาคแทบทุกคนทุกๆ ปี
    แต่ไม่เคยมีหลักฐานเต็มกระดาษ A4 มอบให้ผู้บริจาคไม่ว่าจะน้อยหรือมาก
    มีเพียงกระดาษเศษกระดาษ ประมาณ เศษหนึ่งส่วนหกของกระดาษเท่านั้น

    มีมากมายอีกหลายเรื่อง ที่ผู้ปกครองหมดความอดทน
    บางคนทนไม่ได้ย้ายลูกไป ที่อยู่เพราะความจำเป็น รอให้ลูกเรียนจบเหมือนรุ่นก่อน กับ สงสารลูกต้องปรับตัวใหม่
    อยากให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่โปร่งใส มีคนมาบริหารที่ไม่ใช้อิทธิพลมืดข่มขู่ คุกคาม
    ครู ที่ทำมานานตั้งแต่เปิดโรงเรียน และตอนนี้กำลังมาคุกคามครอบครัวพ่อแม่นักเรียน
    เพราะไม่พอใจที่ออกมาเรียกร้องให้วุ่นวาย ทำให้โรงเรียนต้องโดนสอบสวนอยู่ขณะนี้

    แต่จากข่าววงในทราบมาว่า เขาประกาศว่า ในชลบุรีไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา
    และการสอบสวนนี้ ก้มีข่าวมาหนาหูว่า ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเตรียมเอกสารไว้พร้อมหมด
    และซื้อผลการตรวจสอบไว้ล่วงหน้า แถมยังพร้อมสร้างภาพให้ทุกคนเห้นใจด้วย
    หากเสร็จสิ้นผลตรวจสอบ
    เพราะมีพวกมากและอิทธิพลสูง มีความบ้าบิ่นป่าเถื่อนครบทุกคุณสมบัติ
    แต่ไม่ควรเป็นคุณสมบัติประธานโรงเรียน เลยแม้แต่น้อย

    เหล่าผู้ปกครองขี่รถเครื่องไปไหนก็มีคนสะกดรอยตาม
    แม่มาส่งลูกสาวก็โดนขี่สะกดรอยตาม แล้วก็กวักมือให้ไปหา
    พ่อแม่ผู้ปกครอง มารอรับลูกยืนคุยกัน ก็โดนชายฉกรรจ์มาถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน
    ผู้ปกครองรวมตัวกันก็โดนแอบถ่ายรูปถ่ายวีดิโอ
    กลับไปบ้านก็โดนจอดรถซู่มดูติดรั้วบ้าน
    ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครมาจอดรถแบบนี้มาก่อน
    มีโทรศัพท์โทรไปสุ่มผู้ปกครองว่าอย่าออกมายุ่งเกี่ยว
    นี่คือเรื่องจริง ที่พ่อแม่ที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมแทนเด็กตัวเล็กๆ
    ในระดับอนุบาลกับประถมต้องโดนคุกคาม

    คุณครูยิ่งไม่ต้องพูดถึง โดนสารพัดมานาน จนไม่กล้าเผยอปาก
    เพราะโดนกำกับ แบ่งกำลังคุมครูมาคุมไว้ตลอด
    แลกกับตำแหน่งและเศษเงินที่ให้พิเศษ
    ใครทำตัวนอกกรอบ โดนไล่ออก โดนตัดเงิน
    หมดอนาคตไป หลายคนต้องลาออกไป
    อย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ล่าสุดมีการประกาศว่าถ้าเรื่องนี้จบสวยๆ
    จะขึ้นเงินเดือนครูให้ทุกคน
    เงินนี้เป็นเงินของรัฐ ตั้งนานไม่ขึ้นเงินเดือนให้
    แต่จะมาขึ้นให้เพราะต้องการให้ครุช่วยเป็นหูเป็นตา
    จัดการผู้ปกครองนอกรีต ที่ออกมาประท้วง

    นี่คือ ความจริง ที่ขอเชิญมาพิสูจน์
    ถ้าคุณไม่กลัวอิทธิพลมืดในจังหวัดชลบุรี
    สนธยา คุณปลื้ม ยังไม่ขอยุ่งเกี่ยว
    เพราะพ่อของเขา ยังเคยมาจัดการมูลนิธินี้ให้
    เรียบร้อย ยังเหนื่อยยากมากๆ กว่าจะสำเร็จ

    เงินบริจาคมากมายที่ผ่านมูลนิธิและโรงเรียน
    ถูกจัดสรรดูแลตบแต่งหลักฐานให้ตรวจผ่านทุกปี
    โดยนักบัญชีอิสระที่ชื่อ นายธวัช เศวตกิตติรัตน์ ตำแหน่งกรรมการโรงเรียนและผู้จัดการทางการเงิน
    ผู้เคยโดนประธานโรงเรียน ลูกชายเม่งหลีต่อยหน้าหงาย
    แต่ตกลงกันได้เลยได้ร่วมงานกันต่อ

    เราไม่รู้ว่าสงจดหมายฉบับนี้ให้ใครบ้าง
    อาจจะเป็นการเผยความลับให้ผู้อาฆาตรู้
    ผู้ปกครองรวมตัวกัน ฝ่ายราชการถามย้ำอยู่นั่นแหล่ะ
    ว่าเป็นเรื่องพรรคการเมือง เรื่องสีเสื้อหรือเปล่า
    พ่อแม่ได้ยินแล้วแทบร้องไห้ เสียใจในความคิดของคนเป็นหัวหน้าราชการ
    บอกมาได้ปัญหาเรื่องเล็กๆ ขอเวลาแค่ 3 วัน
    พอครบ 3 วัน ก็หายหน้าให้รองศึกษามารับหน้าแทน
    และขอขยายเป็น 15 วัน เพราะยากมากในการตรวจสอบ
    ผู้ปกครองไม่ได้ว่าอะไร จะตรวจสอบให้ชัดๆ สักปี สองปีก็ได้
    แต่ตอนนี้โดนคุกคาม หมายหัว เอาชีวิต ระบบโรงเรียนล้มเหลว
    ฝ่ายการเงิน ฝ่ายรองผู้อำนวยการ เป็นแกงค์เดียวกันไปนมนานแล้ว

    สองพ่อลูกหนีหน้าไม่กล้ามาคุย เอาแต่หลบหน้า ไปวิ่งเต้นให้เรื่องเงียบ
    พวกของเขา วิ่งซื้อสื่อมวลชน ซื้อนักข่าวในชลบุรีไปแทบหมดเกลี้ยง ไม่ให้ส่งข่าวให้กรุงเทพ
    ไม่มีการลงข่าวอีกเลย หลังจากวันที่ 1 พ.ค. 2553 วันที่ผู้ปกครอง นักเรียนและครู รวมตัวกันครั้งแรก
    ครั้งที่สอง 9 พค. 2553 มาทำข่าวแต่ บก. โดนซื้อข่าวพร้อมข่มขู่
    ครั้งที่สาม 12 พค. 2553 มาทำข่าว เพราะกระแสสังคมบีบ แต่ไม่ลงอีก เพราะโดนขู่ถึงกอง บก.

    แล้วแบบนี้จะต้องให้พ่อแม่นักเรียนหอบครอบครัวหนีหรือไง
    ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดเลยหรือไง
    ชลบุรียิ่งกว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

    ตำรวจมาดูก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่อง
    แถมมีบางนายแอบไปรับจ๊อบ
    แต่งครึ่งท่อน นอกเครื่องแบบมาสะกดรอยตามผู้ปกครอง
    ราชการ นักข่าว ยังกลัวเกรงโดนฟ้องกลับ
    แล้วแบบนี้จะให้ทำอะไรดี ให้พ่อแม่จับอาวุธขึ้นสู้หรือไง
    หรือให้นักเรียน พ่อแม่ ต้องออกมาประท้วง
    หรือจะให้ปิดล้อมโรงเรียนห้ามเข้าออกหรืออย่างไร
    ฝ่ายราชการถึงจะพอใจ นักข่าวจะได้ทำข่าวด้วยความสบายใจ
    ที่ไม่มีใครมาข่มขู่ ออกข่าวประนามพ่อแม่ ครู นักเรียน เข้าข้างกันให้สนิทใจ
    บอกตรงๆ พวกเรายังไม่คิดทำแบบนั้นแน่นอน
    คิดได้แต่ทำไม่ลง ไม่อยากให้ลูกและใครทำเป็นแบบอย่าง
    และมาประนามโรงเรียนและนักเรียน รวมถึงผู้ปกครอง

    ครั้นจะไปบอกพรรคการเมืองไหนๆ ให้มาช่วยก็กลัวจะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง
    ไปร้องเรียนด้วยตัวเอง ก็โดนหมายหัว
    ไปร้องใครๆ ก็บอกให้เอาหลักฐานที่ชัดเจนมาด้วย
    ผู้ปกครอง คนทำมาหากิน ไม่ได้มีกำลังภายในหรือหน้าี่ในโรงเรียน
    รู้เรื่องเพราะ ครุบางคนทนไม่ได้แอบเอามาให้
    เอกสารจริงหรือเท็จก็แก้ไขกันได้ ตบตากันได้สบาย ผู้ปกครองก็ไม่รู้ว่าจะรับรองได้ยังไง
    รู้แต่ว่าความจริงที่เกิดขึ้นมันปิด มันตบตาไม่ได้ แบบนี้เป็นหลักฐานได้หรือไม่
    หรือต้องรอเศษกระดาษ ใบเสร็จ ออกมา ถึงจะมีคนมาช่วย

    การสอบสวนก็ไม่รู้เชื่อถือได้แค่ไหน รู้แต่เงินมันมหาศาลและสิ่งที่ทำกับเด็กตาดำๆ
    มันรันทดใจจริงๆ ทำกับเด็กเหมือนหมูหมือนหมา

    บอกตรงๆ ให้พ่อแม่และเด็กๆ ส่วนใหญ่นิ่งเฉย มีที่เรียนให้ลูกก็พอแล้วไง
    จะเอาอะไรนักหนา อยากร้องมากก็ย้ายไปร้องเรียนไปเลย

    พ่อแม่ไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ เป็นวีรชนให้ใครประกาศยกย่องในงานศพ
    หรือให้ความช่วยเหลือในฐานะเหยื่อถูกทไร้ายจนพิการ
    อยากให้ราชการหัวหายล้อมคอก
    ขอเพียงทุกฝ่าย สนใจปัญหานี้ และออกมาแก้ไขปัญหาให้เร็วและทันต่อการคุกคามเท่านั้น
    อย่าบอกให้ไปแจ้งความเลย
    มันจะกลายเป็นเป้านิ่ง มากขึ้นไปอีก

    เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการช่วยเหลือใครให้กลับมามีอำนาจแทน
    แต่เพียงแค่ขอความเป็นธรรมคืน เพราะตาสว่างรู้ชัดแล้วว่า ลูกๆ เด็กๆ
    โดนเอาเปรียบทุกวิถีทาง

    พอมีเรื่องก็ให้บังคับครูไปสั่งการเด็ก บอกพ่อแม่ว่าหนูไม่เดือดร้อน
    สั่งการได้หมดตั้งแต่ ผอ.โรงเรียน ภารโรง ครูใหญ่ ครูน้อย และเอาครูเป็นภรรยาน้อย
    ทำไมถึงต้องมาเอาสมบัติมูลนิธิมายึดเป็นของตัวเอง
    พอมีคนรู้เรื่อง ออกมาประนาม ก็เตรียมการจะทำร้าย ขมขู่สารพัด

    ผู้ว่าราชการก็เป็นคนชลบุรี ท่านไม่สนใจลงมาดู ไม่เคยมาปรากฏกาย
    ไม่เคยมีใครมาประสาน มาแก้ปัญหาจริงจัง
    โรงเรียนอยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัล ชลบุรี นิดเดียว
    แต่ท่านไปงานที่เซ็นทรัลประจำ ช้ำใจจริงๆ
    หรือว่าท่านโดนร้องขอไว้ว่าอย่ามายุ่ง ออกนอกหน้า

    ทุกท่าน โปรดมาช่วยด้วยแล้วกัน
    ก่อนจะมีเด็กๆ ตกเป็นเหยื่อหรือต้องกำพร้าพ่อแม่
    หรือครูผูกคอตาย ประจานความโสมมในโรงเรียน
    เพราะเครียดกันมาก อยุ่เฉยก็แย่
    สู้ก็โดนคุกคาม ช่วยเหลือคนโกง ก็ฝืนจริยธรรมครู

    หากเป็นไปได้อยากให้มาดู แต่เมื่อมาดูอาจจะมีแต่ความสงบไม่มีสิ่งผิดปรกติ
    ก็อย่าชะล่าใจว่า ไม่เห็นมีอะไร เป็นแบบที่กล่าวมา
    อ่านเรื่องนี้แล้วก็ไม่บังคับว่า ต้องเชื่อทั้งหมด
    ไปตรวจสอบถามความจริงได้ ณ โรงเรียนบูรพาวิทยา ชลบุรี
    ขอเพียงท่านมีความเป็นพ่อเป็นแม่ที่ปรารถนาดีกลับลูกหลานตัวเอง
    ก็น่าจะพอเข้าใจในความรู้สึกที่เรายอมเสี่ยงตายออกมาร้องเรียน

    โปรดติดตามเรื่องราวที่น่าขยะแขยงได้ที่นี่นะคะ
    http://www.thailandchonburi.com/index.php?lay=show&ac=webboard&WBntype=1&Category=thailandchonburicom&sort=123&sorttype=&thispage=1
    ต่อด้วย
    http://www.thailandchonburi.com/index.php?lay=show&ac=webboard&WBntype=1&Category=thailandchonburicom&sort=123&sorttype=&thispage=2
    และ
    http://www.thailandchonburi.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=thailandchonburicom&thispage=2&No=1273486
    และ
    http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ทั่วไทยทูเดย์/สองฝั่งเจ้าพระยา/25871/ชาวบ้านเมืองชลฯรวมตัวถามสาเหตุยุบ-ม-ต้น-ร-ร-บูรพาวิทยา
    และ
    http://www.sattahipnews.com/Q1/thememenu.php?id=8716
    จากวันที่ 1 มาไม่เคยได้ลงหนังสือพิมพ์ไหนๆ อีกเลย ไม่ทราบผู้สื่อข่าวจะมาถ่ายรูปไปทำไมนักหนา
    เอาข่าวไปขายใคร เอาภาพไปแลกเงินหรือว่า ถ่ายหลอกๆ มากันเป็นสิบคน อนาถใจสื่อมวลชนจริงๆ
    แต่ใจหนึ่งก้เห็นใจ ไม่มีเสื้อเกราะคุ้มกัน นักข่าวก้กลัวตายเหมือนกัน

    หรือ search คำว่า “ทุจริตโรงเรียนบูรพาวิทยา”

    ขอบพระคุณมากๆ
    หนึ่งในผู้ปกครอง ที่กล้าเสี่ยงตายออกมาทวงสิทธิให้นักเรียน

    Reply

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.